เจ็บแปลบ!! บทความจากเวียดนาม "เราปวดใจทุกครั้งเมื่อมองมายังทีมชาติไทย"

19 พ.ย.58  10:17 น.



เจ็บแปลบ!! บทความจากเวียดนาม "เราปวดใจทุกครั้งเมื่อมองมายังทีมชาติไทย"

วันนี้เรามีสกู๊ปจากเวียดนาม คู่กัดกับทีมชาติไทยไม่ว่าจะเป็นกีฬาไหนๆ และที่สำคัญฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกก็ดันมาอยู่กลุ่มเดียวกับทีมชาติไทยอีกด้วย ซึ่งบทความที่พวกเราได้หามาให้พวกคุณอ่านกันคอบอลไทยไม่ควรพลาดจริงๆ ด้วยภาษาที่อ่านง่าย และครอบคลุมประเด็นสำคัญๆเอาไว้มากมาย ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานเขียนของคุณ เมียน ประๆ ลองอ่านบทความของเขากันเลยครับ

(ขออนุญาตเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางคำเพื่อความเหมาะสมในการนำเสนอ)

Lăng kính: “Đắng lòng” khi nhìn về bóng đá Thái?
เศร้าใจทุกครั้งที่ได้มองวงการฟุตบอลไทย

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา อย่างที่เราได้เห็นได้ชมว่า ทีมชาติเวียดนามผูกปีแพ้ทีมชาติไทยมาโดยตลอด ผลงานมันกระแทกกล่องดวงใจเราไม่น้อย ลุ้นบอลก็เหมือนจะทราบผลแต่แรก นั่งถ่ายก็ไม่คล่อง ขมิบลุ้นว่าเมื่อไหร่จะโดนยิง สุดท้ายก็โดนเละ

เราเศร้าแต่ก็ไม่เสียความมั่นใจ เพราะว่าตามระดับมาตรฐานเราไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย คงต้องมีสักวันที่เราจะเทียบเท่ากันและแซงหน้าเขาไปได้ ผมเชื่ออย่างนั้น


มองอย่างง่ายๆ เราก็เคยชนะทีมชาติไทยมาแล้ว เมื่อการแข่งขัน AFF Cup ในปี 2008 ทำเอาแฟนบอลไทยที่นั่งเชียร์หน้าจอ ร้านอาหาร คาราโอเกะ ร้องไห้กันทั้งประเทศ จากผลงานความสำเร็จในปี 2008 ทำให้เราคิดว่า เรามาไกลถึงจุดสูงสุด แต่เหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้ง เพราะหลังจากปี 2008 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ปี 2015 ผ่านไป 7 ปี ทีมชาติเวียดนามผลงานยังอยู่คงที่หรือตกต่ำลงกว่าเดิม ไม่บินสูงอย่างที่คาดหวังไว้ เล่นรายการไหนมีแต่ว่าว คว้าน้ำเหลวซะจนชินชา

ในขณะที่วงการฟุตบอลประเทศเราอ่อนแอลง ชาติอื่นๆในอาเซียนกลับพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อย่างเช่นฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา โดยแต่ละชาติมีทีมงานที่จะสร้างและพัฒนาทีมโดยเฉพาะ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
มาที่ทีมชาติไทย พวกเขาเองรู้สึกจะไม่ยินดียินร้ายอะไรแล้วในตอนนี้กับแ
ชมป์ถ้วยไก่กาในภาคพื้นอาเซียน ดูจากการแข่งขันที่ผ่านมา ด้วยการเอาเด็กใหม่มาลงแข่งกับนักเตะชุดใหญ่ไม่ว่าจะเป็น AFF Cup หรือซีเกมส์สิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่เป็นการดูถูก แต่เหมือนกับการที่จะพยายามสร้าง และกระโดดก้าวข้ามอาเซียน ไทยกำลังฝันว่าจะไปฟุตบอลโลก แม้โอกาสจะยากแต่พวกเขาก็เข้าใกล้ไปมากแล้ว ในตอนนี้พวกเขาอาจจะห่างไกลถ้าบดกับ สเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี


แต่ถ้ามองในชาติอาเซียนทีมที่จะต่อกรและเอาชนะ ญี่ปุ่น เกาหลี หรือออสเตรเลียได้ ทุกสายตาคงต้องยกให้ประเทศไทยประเทศเดียวเท่านั้น ทีมอื่นเจอเป็นโดนเละ แทบจะหอบถุงปุ๋ยสูตร 16:0:0 เก็บลูกกลับบ้านเลยทีเดียว
ตอนนี้พวกเขาอาจจะตอบยากว่าชนะทีมใหญ่ๆเป็นอย่างไร แต่ทีมชาติไทยพวกเขาได้เริ่มวางโครงสร้าง ด้วยการนำกลยุทธ์ และวิทยาศาสตร์ขั้นสูงมาใช้ในการพัฒนาแล้ว การที่ไทยจะชนะ 3-0, 4-0 เหนือชาติอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น ในอนาคตไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป มีคำถามมากมายว่า ทำไมทีมชาติไทยถึงพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว และแข็งแกร่งขึ้น ผมก็ตอบยากนะ นายกสมาคมฯเป็นที่รักของฟีฟ่าหรือเปล่า ผู้บริหารฯหรือเปล่าที่พัฒนากรรมการวงการฟุตบอลไทยให้มีมาตรฐานระดับโลก
อาจจะตอบคำถามไม่ตรงบ้าง แต่ก็เพราะความรักต่อฟุตบอลไทยมากล้นเกินพรรณนา ท่านเลยตอบข้างๆคูๆแบบนั้น แฟนบอลบางคนอาจจะตามเซ้นส์กับคำตอบที่ลึกสุดขั้วท่านไม่ทัน ท่านคือหนึ่งในดวงใจของแฟนบอลไทยทั่วหล้าต่อจากท่านนายกวรวีร์ เรามาดูการพัฒนาเพื่อที่จะเรียนรู้และได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว


หลังจากทีมชาติไทยแห้วในรายการ AFF Cup 2008 แฟนบอลน้ำตาไหลพราก แทบจะไปเผาบ้านนายกกันมาแล้ว พวกเขาก็หลุดวงโคจรจากการลุ้นแชมป์ไปดื้อๆ ไม่ว่าจะเป็นรายการ AFC Cup ปี 2010, 2012 ซีเกมส์ 2009, 2011 จำได้ว่าตอนนั้นมีแฟนบอลนับร้อยไปประท้วงท่านนายกให้ลาออก
แต่เจอแฟนบอลล้านกว่าคนที่เป็นที่รักของท่านขัดขวางซะก่อน ก่อนที่จะบานปลาย จนไทยเริ่มมีการสร้างทีม แล้วมาได้แชมป์ ซีเกมส์ 2013, 2015 และ AFF Cup 2014 จะเห็นว่าเขากลับมาแล้ว และมาอย่างรุนแรงหนักหน่วงทีเดียว ด้วยผลงานสุดอึ้งถล่มคู่แข่งด้วยประตูถล่มทลายเป็นว่าเล่น ตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงรอบชิงฯ
อะไรเป็นเหตุและผลของพัฒนาฟุตบอลทีมชาติไทย เพราะพวกเขาทุ่มเม็ดเงิน และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ สร้างทีมอย่างมีระบบ จากปี 2008-2010 ในยุคตกต่ำของทีม ผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ได้หาวิธีทางที่จะทำอย่างไรให้วงการฟุตบอลของชาติพัฒนา


ผู้นำบางคนทนดูไม่ได้ต้องทิ้งใบสุดท้าย เพราะทนดูความตกต่ำของทีมไม่ไหว พวกเขาก็เริ่มมองว่าจะทำอย่างไรที่จะกู้ฟอร์มทีมชาติไทยกลับมา สุดท้ายพวกเขาคิดว่าจำเป็นที่ต้องเรียนรู้วิธีจัดการตามแบบฉบับชาติในยุโรป และเมื่อทีมได้ศึกษาและปรับปรุงตามรูปแบบที่ได้ไปเรียนรู้มา
พวกเขาก็เริ่มดำเนินการทันที ตั้งแต่การพัฒนาระดับเยาวชน อายุ 16, 18 และ 23 ปี และเมื่อนักเตะแต่ละรุ่นพัฒนา ก็เป็นส่วนที่ทำให้ให้วงการฟุตบอลไทยประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวัน ในทุกๆรุ่นที่ร่วมแข่งขัน
ยกตัวอย่าง ไทยพรีเมียร์ลีก ลีกที่กำลังเติบโตเทียบเท่า เจลีก เคลีก หรือเอลีก พวกเขาสามารถเข้ารอบลึกๆในรายการ AFC Champions League ได้บ่อยครั้ง ในฐานะที่เป็นทีมจากประเทศไทยมันก็เหมือนกับการเข้าไปเก็บเกี่ยวความสำเร็จและสร้างแรงผลักดันให้กับทุกทีม เพื่อพัฒนาให้เทียบเท่ากัน และเป็นเหมือนการกระตุ้นว่าทีมชาติไทยสามารถชนะทีมจากชาติใหญ่ๆได้
อีกตัวอย่างรายการแข่งขัน ระดับภูมิภาค U19, U23 ที่ทีมสามารถคว้าแชมป์มาได้ รวมถึงการเข้ารอบฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกไปแล้วหนึ่งก้าว ความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวล ยากที่ทีมจากเวียดนามจะสามารถทำได้
ในฐานะที่ผมเป็นคนที่รักฟุตบอล ไม่ใช่ว่าผมเขียนเพื่อยกยอทีมชาติไทยและไม่รักชาติ แต่เขียนเพื่อให้เรารับรู้ว่าสถานะเราเป็นแบบไหน ทำไมคู่แข่งถึงพัฒนาไปได้ไกลกว่าเรา ด้วยเหตุและผลที่เรานั้นยากจะตามทัน


ผมขอย้ำประโยคเดิมที่เขียนมาว่า "ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ว่าทีมชาติเวียดนามผูกปีแพ้ทีมชาติไทยมาโดยตลอด แต่เราไม่ได้สูญเสียความเชื่อมั่น และระดับเราไม่ได้ต่างจากเขามากนัก คงต้องมีสักวันที่เราจะเทียบเท่ากันและแซงหน้าเขาไปได้ ผมเชื่ออย่างนั้น ……"

ในวันนี้ผมบอกได้เลยว่าเราแพ้ทีมชาติไทยแค่ด้านจิตวิทยา สภาพความฟิตของนักเตะ โดยเฉพาะความเพียรพยายาม การเล่นเป็นทีมที่หายไป ตอนนี้เราแพ้เขาในทุกทาง
อะไรที่ทีมชาติไทยต่างจากเรา เพราะพวกเขากล้าได้กล้าเสีย แต่เราไม่กล้าที่จะทำ ผมว่าทุกคนน่าจะรู้แล้วหละ แต่สมาคม VFF ไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่า หรือมาบริหารเพื่อตักตวงผลประโยชน์อย่างเดียว
ประเทศไทยอยู่ในยุคที่ดีมาก ในยุคที่ไม่มีปัญหาคอรัปชั่น อาจจะมีแค่ส่วนต่างมากเกินไปแค่นั้น ยอดคนติดคุกก็น้อยลง เพราะไม่ตายก่อนเข้าคุก ก็แค่ทำผิดอะไรมาโดนจับได้ ก็เอาไปคืนหรือเอาไปบริจาคก็รอดแล้ว มาถึงตรงนี้ผมว่าทีมชาติเราคงต้องมาศึกษาใหม่ และเรียนรู้ความผิดพลาด เริ่มต้นใหม่ไม่สาย ตั้งแต่การวางโครงสร้างกันเลย

สุดท้ายผมไม่โทษใคร เกี่ยวพืชต้องหวานผล ผมพูดได้แค่นี้ หวังว่าท่านใหญ่ๆคงเข้าใจภาษาเวียดนาม

Source: http://www.gangzabaaball.com/news-details.php?item=2856
Previous
Next Post »
0 Komentar